ดีแทคประกาศผลทีม ฟาสอินโฟล (Fastinflow) ผู้ชนะเลิศในโครงการ dtac Accelerate ประกวดผลงานโมบายแอพพลิเคชั่น ในธีม Wizard of Apps เฟ้นหาสุดยอดนักพัฒนาแอพพลิเคชั่น หลังขับเคี่ยวกับหลายทีมและผ่านเวิร์คช้อปจากนักธุรกิจชื่อดังที่บินตรงมาจากซิลิคอน แวลลีย์อย่างเข้มข้น ตั้งแต่เปิดโครงการเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ จนได้ ทีมฟาสอินโฟล ที่ชนะใจกรรมการ ด้วยแอพพลิเคชั่นที่เกี่ยวกับ การวิจัยการตลาดที่ง่ายต่อการใช้งาน ภายใน 5 นาที กับ 3 ขั้นตอน คือ 1. สร้างแนวคำถามที่ต้องการถามลูกค้า 2. ส่งคำถามไปยังกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการ และ 3. รับผลสรุปจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ฟาสอินโฟลเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดให้กับนักวิจัยการตลาดที่ต้องการเจาะลึกถึงความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง
รางวัลสำหรับผู้ชนะ จะได้เข้าร่วมโปรแกรม Blackbox Connect ที่ซิลิคอน แวลลีย์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นการเข้าคอร์สติวเข้ม ระยะเวลา 2 สัปดาห์ ภายใต้แนวคิด ?Half-a-year Silicon Valley experience condensed in a two-week immersion program? ด้วยเนื้อหาจากประสบการณ์จริงของ ผู้บริหาร นักพัฒนา นักลงทุน และนักธุรกิจชั้นนำของซิลิคอน แวลลีย์ เพื่อเตรียมความพร้อมเพื่อก้าวสู่การเป็นบริษัทระดับโลก และสำหรับผู้ผ่านเข้ารอบโครงการ dtac Accelerate จะได้รับการสนับสนุนการพัฒนาต่อยอดเชิงพาณิชย์จากดีแทคอีกด้วย
นายจอน เอ็ดดี้ อับดุลลาห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค กล่าวว่า ?ผมขอแสดงความยินดีกับทีมที่ชนะเลิศ และทีมที่เข้ารอบทั้งหมดในวันนี้ซึ่งได้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจและพลังสร้างสรรค์ ที่อยากทำงานอย่างอิสระ มีเป้าหมายที่จะเป็นผู้ประกอบธุรกิจที่มีอนาคตไกล ผลงานที่แต่ละทีมนำเสนอเข้ามา ทำให้มองเห็นเทรนของการพัฒนาแอพพลิเคชั่นที่หลากหลายรองรับการดำเนินชีวิต mobility lifestyle ในอีก 3-5 ปี ข้างหน้า
โครงการ dtac Accelerate เกิดขึ้นจากการที่ดีแทคมีความเชื่อมั่นในความสามารถของคนไทย และต้องการสร้างแรงกระตุ้นให้คนไทยเป็นผู้ริเริ่มสร้างนวัตกรรม แอพพลิเคชั่นใหม่ ๆ ร่วมปฏิวัติอุตสาหกรรมเทคโนโลยี เพิ่มพื้นที่เรียนรู้และแสดงศักยภาพให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก
ดีแทคให้ความสำคัญกับการขยายธุรกิจสู่โมบายคอนเทนท์และแอพพลิเคชั่น ที่เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ในการทรานฟอร์มบริษัทสู่ธุรกิจโมบายล์ อินเทอร์เน็ตอย่างเต็มตัว เพื่อสร้าง application ecosystem ที่สมบูรณ์แบบขึ้นในประเทศไทย ซึ่งเป็นการสร้างความสัมพันธ์ทางด้านการส่งเสริมการตลาดกับนักพัฒนาแอพพลิเคชั่นในประเทศไทย เพื่อนำแอพพลิเคชั่นดีๆ สู่ผู้ใช้บริการ และยังเป็นการเปิดโอกาสให้นักพัฒนาแอพพลิเคชั่นไทยก้าวสู่เวทีระดับโลก?
โครงการ dtac Accelerate ได้รับเสียงตอบรับอย่างดีเยี่ยม ด้วยจำนวน Like กว่า 8,000 บน Facebook Fan Page มีผู้ลงทะเบียนเป็นสมาชิกกว่า 2,500 คน มีไอเดียที่ผ่านเกณฑ์คัดเลือกมากกว่า 200 ไอเดียจากผู้เข้าแข่งขันประมาณ 1,000 คน ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา dtac Accelerate เป็นโครงการที่สร้างความโดดเด่นและแตกต่าง ด้วยการจัด Workshop กับผู้บริหารดีแทค นักพัฒนา นักลงทุนและนักธุรกิจชื่อดังที่บินตรงมาจาก ซิลิคอน แวลลีย์ เพื่อโครงการนี้โดยเฉพาะ เช่น Matt Monday อดีต editor จาก Apple App Store และ Paul Jastrzebski ผู้เชี่ยวชาญด้าน Business Development ที่นำเกมดังมากมายเช่น Grand Theft Auto 3, Shadowgun มาสู่ Google Play Fadi Bishara ผู้ก่อตั้ง Blackbox Accelerator เป็นต้น
และในที่สุดก็มาถึงวันเดโมเดย์ รอบชิงชนะเลิศที่ทั้ง 10 ทีมที่เข้ารอบจะได้พรีเซ้นท์ผลงานต่อคณะกรรมการ 5 ท่าน ซึ่งประกอบไปด้วย
1. Stephanie Palmeri, Principal จาก SoftTech VC ที่ลงทุนในบริษัท Startup กว่า 15,000 ล้านบาท
2. Benjamin Ranck, CTO แห่ง Jetabroad บริษัทท่องเที่ยวออนไลน์ซึ่งเชี่ยวชาญด้านการสำรองตั๋วเครื่องบิน และการพัฒนาซอฟต์แวร์สำหรับธุรกิจท่องเที่ยวในอนาคต
3. Matt Walters, Principal จาก Ardent Capital ผู้ร่วมก่อตั้ง WhatsNew และ Topicmarks
4. ชวภาส องค์มหัทมงคล ผู้ร่วมก่อตั้งและผู้บริหาร PrimeStreet Advisory บริษัทที่ปรึกษาด้านการร่วมทุน อาจารย์พิเศษ และที่ปรึกษาให้กับองค์กรธุรกิจและการศึกษาหลายแห่ง
5. ปัญญา เวชบรรยงรัตน์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่าย Business Support System ดีแทค
โดยมีรายชื่อทีมผู้เข้ารอบ 10 ทีมสุดท้ายและแอพพลิเคชั่นดังนี้
? DietParty: แอพพลิเคชั่นที่จะทำให้คุณสนุกกับการลดน้ำหนัก ด้วยวิธีการที่น่าสนุกและลดน้ำหนักไปพร้อมกับเพื่อนๆ
? Evrdi, Social Diary: ไดอารี่ออนไลน์แนวใหม่ ที่จะช่วยเก็บความทรงจำของคุณ ไม่หล่นหายไปตามกาลเวลา
? Facecard: แอพพลิเคชั่นที่จะทำให้ นามบัตรของคุณ ไม่เป็นเพียงบัตรกระดาษใบเล็กอีกต่อไป
? Fastinflow: แอพพลิเคชั่นที่จะทำให้นักการตลาด สามารถหา consumer insight ของลูกค้าได้ ในเวลา 5 นาที!
? Shopsuke: แอพพลิเคชั่นที่จะรวมร้านค้าที่ถูกใจใน Facebook พร้อมช่องทางสื่อสารกับร้านค้าโดยตรง มาอยู่ในมือคุณ
? Haamor: นวัตกรรมทางการแพทย์ ที่จะช่วยให้ปัญหาสุขภาพของคุณมีคำตอบ ด้วยคำถามง่าย ๆ จากแพทย์ชั้นนำ
? Packlink: ทริปท่องเที่ยวของคุณ จะไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป กับแอพพลิเคชั่นที่จะช่วยให้คุณไม่พลาดของสำคัญในการเดินทาง
? Quest: แอพพลิเคชั่นที่จำช่วยให้ startups ค้นหาความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ และสร้างความสัมพันธ์เพื่อธุรกิจที่ยั่งยืน
? sabuy.me: แอพพลิเคชั่นที่ช่วยสร้างช่องทางให้กับร้านค้าออนไลน์ พร้อมระบบการซื้อขายที่สะดวกยิ่งขึ้น
? Storylog: การแบ่งปันเรื่องสนุกของคุณ จะไม่เป็นเพียงเรื่องเล่าธรรมดาๆ อีกต่อไป กับแอพพลิเคชั่น Storylog













ดีแทค ไตรเน็ต บริษัทในเครือดีแทค พร้อมแล้วสำหรับการให้บริการลูกค้าบนโครงข่ายใหม่ TriNet 3 โครงข่ายอัจฉริยะ โดยลูกค้าจะเริ่มทยอยใช้งานได้ตั้งแต่ 23 กรกฏาคมนี้เป็นวันแรก หลังจากผ่านการทดสอบจากพนักงานดีแทคในช่วงที่ผ่านมา พร้อมรับคำแนะนำและความคิดเห็นจากลูกค้า ทั้งนี้ ดีแทคเตรียมนำข้อมูลที่ได้รับมาปรับปรุงและสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าโดยจะได้เริ่มสัมผัสกับประสบการณ์ที่ดีที่สุดทั้งการโทรและการใช้งานดาต้าบนโครงข่าย TriNet นายจอน เอ็ดดี้ อับดุลลาห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทคกล่าวว่า “หลังจากที่ดีแทค ไตรเน็ต บริษัทในเครือดีแทค เปิดตัวโครงข่ายใหม่ TriNet 3 โครงข่ายอัจฉริยะ ในช่วงที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้า โดยลูกค้าได้ลงทะเบียนแจ้งความประสงค์ขอใช้บริการบนโครงข่ายใหม่ TriNet แล้วเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ ลูกค้าสามารถใช้งานบนโครงข่ายใหม่ TriNet ได้ตั้งแต่วันที่ 23 กรกฎาคมนี้เป็นต้นไป นอกจากนี้ ลูกค้าที่ได้ลงทะเบียนใช้บริการบนโครงข่ายใหม่ TriNet ไว้แล้วก่อนหน้านี้ ก็สามารถทยอยใช้งานบนโครงข่ายใหม่ TriNet ได้ตั้งแต่วันที่ 23 กรกฎาคมนี้เป็นต้นไปเช่นกัน ซึ่ง ดีแทค ไตรเน็ตได้ทำการทดสอบระบบจากพนักงานดีแทคกว่า 5,000 ราย พร้อม ๆ กับการเร่งตั้งสถานีฐาน ปัจจุบัน ดีแทค และดีแทค ไตรเน็ตมีสถานีฐาน 3G รวมกันแล้วประมาณ 8,000 สถานีฐาน และจะยังคงพัฒนาเพิ่มสถานีฐานต่อไป ซึ่งจะทำให้ในเดือนตุลาคมจะมีสถานีฐาน 3G ทั้งหมดประมาณกว่า 10,000 สถานีฐานทั่วประเทศ” สำหรับลูกค้าดีแทคที่ได้ลงทะเบียนใช้บริการบนโครงข่ายใหม่ TriNet ไว้ล่วงหน้านั้น ตั้งแต่วันที่ 23 กรกฎาคม เป็นต้นไป ลูกค้าจะทยอยได้รับ SMS แจ้งให้ทราบถึงกำหนดการโอนย้าย รวมถึงขั้นตอนแนะนำต่างๆ เพื่อให้ลูกค้าสามารถดำเนินตามได้โดยง่าย และเมื่อเสร็จสิ้น ระบบจะส่งการตั้งค่าเครื่องสำหรับการใช้งาน Internet และ MMS ไปให้ เพื่อใช้งานได้อย่างสมบูรณ์ ทั้งนี้ ถ้าลูกค้ามีความคิดเห็นจากการใช้งาน หรือมีคำแนะนำสามารถโทรแจ้งได้ที่ 1678 นอกจากนี้ ดีแทคได้เผยผลทดสอบสัญญาณมือถือในโครงการ 77/77 ดีแทค อินเทอร์เน็ต ฟอร์ ออล โรด ทริปผ่านมาตรฐานทุกภาค โดยนายประเทศ ตันกุรานันท์ ผู้อำนวยการอาวุโสสายงานปฏิบัติการโครงข่าย บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค กล่าวเพิ่มเติมว่า “เป็นที่น่ายินดีว่าผลทดสอบสัญญาณจากจากโครงการ 77/77 ดีแทค อินเทอร์เน็ต ฟอร์ ออล โรด ทริป (77/77 dtac internet for all road trip) มีผลออกมาได้ตามมาตรฐานทุกภาค สร้างความมั่นใจให้ลูกค้าโดยจะได้เริ่มสัมผัสกับประสบการณ์ที่ดีที่สุดทั้งโทรและการใช้งานดาต้า ทั้งนี้ การทดสอบได้ใช้ซิมการ์ดระบบเติมเงินของดีแทค และค่ายอื่นอีก 2 ซิมเพื่อเปรียบเทียบ โดยทั้งหมดคือซิมทั่วไปที่มีจำหน่ายในตลาด และนำซิมใส่ในมือถือเพื่อทำการทดสอบโทรเข้า-รับสาย ตามเส้นทางทุกภาค และผลทดสอบออกมาทุกค่ายผ่านมาตรฐานการใช้งาน” สำหรับผลการทดสอบของภาคเหนือ ภาคตะวันออก ภาคใต้ และสุดท้ายคือภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานคร จากการทดสอบได้ผลว่ามีการโทรสำเร็จ (Call Setup Success) คิดเป็นกว่า 99% จากทุกค่าย และอัตราสายหลุด (Dropped Call) คิดเป็นประมาณ 1% จากทุกค่ายเช่นกันถือว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานด้วยกัน




