[Review] OPPO N1 mini กับกล้องหมุนได้ 195 องศา มันดียังไง

    6,812 views

    review-oppo-n1-mini-hero

     

    สำหรับการเลือกซื้อสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ ตัวเลือกสำคัญอันดับต้นๆ ในตอนนี้คงหนีไม่พ้น กล้องหน้าสุดฟรุ้งฟริ้ง ไว้สำหรับถ่าย Selfie สวยๆ ที่เป็นเหมือนกิจวัตรของสาวๆ หนุ่มๆ กันไปเสียแล้ว แต่แล้วทำไมกล้องหน้าบนสมาร์ทโฟนส่วนใหญ่จะให้ความละเอียดต่ำกว่ากล้องหลังซะงั้น นี่ถือเป็นข้อจำกัดอย่างหนึ่ง

     

    แต่สำหรับ OPPO N1 mini ได้ฉีกข้อจำกัดนั้นเรียบร้อยแล้ว ด้วยการทำให้กล้องหมุนได้ 195 องศา ถือเป็นการมองมุมกลับปรับมุมมองเลยนะพี่ชาย… (ทำเสียงนางเอกเกาหลี) แค่นี้เองเราก็ได้ใช้กล้องตัวเดียวจบ ถ่ายได้ทั้งหน้าและหลัง ที่สำคัญคือได้ความละเอียดสูงเท่ากันอีกด้วย โดย OPPO N1 mini ได้จัดเต็มกล้องความละเอียดสูงถึง 13 ล้านพิกเซล มาให้กันเลยทีเดียว พร้อมด้วยฟีเจอร์การใช้งานอีกเพียบ

     

    จุดเด่นของ OPPO N1 mini
    • ซีพียู Qualcomm Snapdargon 400 Quad-core 1.6 GHz
    • แรม 2 GB
    • หน่วยความจำในตัว 16 GB
    • หน้าจอ Gorilla Glass 3 ขนาด 5 นิ้ว ระดับ HD 16 ล้านสี ความสว่างสูงสุด 450 cd/m
    • กล้องหมุนได้ 195 องศา ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล รูรับแสง F2.0
    • แฟลช LED 1 ดวง
    • โหมดถ่ายภาพ สโลว์ชัตเตอร์, Audio Photo, HDR, GIF, Panorama, Ultra-HD, Beautify
    • ระบบปฏิบัติการ Android 4.3 พร้อม UI ล่าสุด ColorOS 1.4
    • รองรับ 1 ซิม ขนาด Micro SIM

    สำหรับรีวิวตัวบอดี้ในส่วนต่างๆ ของ OPPO N1 mini จะขอไม่พูดซ้ำแล้วนะครับ เพราะสามารถไปดูได้ในบทความ [SNEAK PREVIEW] OPPO N1 MINI สุดยอดสมาร์ทโฟน กล้อง Selfie หมุนได้ 195 องศา ตามที่เคยได้พรีวิวไว้แล้ว ดังนั้นขอตัดเข้าไปในส่วนของฟีเจอร์เด่นๆ ที่น่าสนใจกันเลย

     

    กล้องฟรุ้งฟริ้งเอาใจสาวก Selfie

     

    กล้องหมุนได้ 195 องศา

    review-oppo-n1-mini-01
    ถือเป็นการแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด เพราะไม่ต้องกังวลกับความละเอียดต่ำของกล้องหน้าอีกต่อไป ด้วยการหมุนกล้องหลังมาเป็นกล้องหน้าได้สบายๆ ที่สำคัญคือมันมาพร้อมแฟลช LED อีก 1 ดวง ซึ่งทำให้ใบหน้าของเราสว่าง สดใส แม้อยู่ในที่มืด ที่สำคัญยังมีโหมด Fill Light สำหรับถ่ายใบหน้าโดยเฉพาะ เพื่อให้ได้แสงที่เป็นธรรมชาติ ไม่โดนแฟลชเบิร์นมากเกินไป

    review-oppo-n1-mini-02

     

    9 โหมดถ่ายภาพ กับอีก 6 Scene 

    review-oppo-n1-mini-03

     

    สำหรับโหมดถ่ายภาพที่ OPPO N1 mini จัดมาให้ ก็จะมีด้วยกัน 9 โหมด คือ Normal, Ultra-HD, Colorful night, Beautify, HDR, Panorama, Slow shutter, Audio photo และ GIF ซึ่งทั้ง 9 โหมดนี้จะถูกลดเหลือ 4 โหมด เมื่อหันกล้องกลับมาข้างหน้า ดังนั้นจะเหลือแค่โหมด Normal, Beautify, Audio photo และ GIF ที่เหมาะกับการใช้งานกล้องหน้าเท่านั้น

     

    และยังมี Scene mode ให้เลือก อีก 6 แบบด้วยกันคือ Auto, Portrait, Landscape, Sports, Night และ Sunset ซึ่งเป็นโปรแกรมโหมดถ่ายรูปตามประเภทต่างๆ ให้เลือกใช้ได้ โดยสามารถใช้งานได้ทั้งเวลาที่หันกล้องมาด้านหน้า หรือด้านหลัง แต่น่าเสียดายที่ไม่มีโหมดถ่ายมาโคร สำหรับคนที่ชอบถ่ายดอกไม้หรือแมลง

    review-oppo-n1-mini-04

     

    ตัวอย่างภาพในโหมดเด่นๆ

    Ultra HD เป็นโหมดถ่ายภาพความละเอียดสูง โดยใช้เทคโนโลยี PI2.0 (Pure Image 2.0) ที่จะถ่ายภาพจำนวน 6 ภาพ (ต้องถือกล้องนิ่งไว้ระยะหนึ่ง) เพื่อเลือกเอาส่วนที่ดีที่สุดมารวมกัน จนได้ความละเอียดสูงสุดถึง 24 ล้านพิกเซล ทำให้เก็บรายละเอียดของภาพได้มากขึ้น

     

     

    Beautify โหมดนี้จะช่วยให้ใบหน้าขาวใสไร้ริ้วรอย แถมเพิ่ม Big Eye ให้อัตโนมัติ เรียกว่าคงถูกใจสาวๆ เป็นอย่างมาก เพราะไม่ต้องเสียเวลาแต่งภาพในแอพให้เสียเวลาอีกต่อไป แค่ถ่ายด้วยโหมดนี้ทุกอย่างก็จะ พรุ้งฟริ้งได้อย่างใจเลยล่ะครับ

     

     

    Colorful night ถ่ายภาพแสงไฟกลางคืน ให้สวยงามโดยไม่ต้องใช้แฟลช ด้วยกล้องที่มีรูรับแสงกว้างถึง F2.0 โดยโหมดนี้จะยิ่งเพิ่มสีสันยามค่ำคืนให้โดดเด่นยิ่งขึ้น


    Slow Shutter โหมดสำหรับถ่ายภาพไฟวิ่ง หรือเขียนตัวอักษรด้วยแสงไฟ ที่ใครๆ ชอบเล่นกันในคืนปาร์ตี้ ด้วยการตั้งสปีดชัตเตอร์ให้ค้างไว้ได้นานสูงสุดถึง 32 วินาที สำหรับเทคนิคการถ่ายภาพแบบนี้แนะนำว่าให้ใช้ขาตั้งกล้องเป็นตัวช่วยจะทำให้ได้ภาพที่คมชัด ไม่เบลอ

     

    ชมภาพถ่ายทั้งหมด จาก OPPO N1 mini

     

    O-Click รีโมทชัตเตอร์ที่เป็นได้มากกว่าแค่รีโมท

    review-oppo-n1-mini-25

     

    review-oppo-n1-mini-26

     

    เอาใจสาวก Selfie อย่างเป็นที่สุด ด้วยอุปกรณ์เสริมอย่าง O-Click ที่เป็นรีโมทชัตเตอร์บลูทูธ ไว้สำหรับใช้คู่กับไม้ถ่าย Selfie ทำให้เราสามารถกดชัตเตอร์เพื่อถ่ายรูปได้ทันที ไม่ต้องตั้งเวลาถ่ายอัตโนมัติให้เสียเวลา พร้อมเมื่อไรก็กดถ่ายได้เลย

     

    review-oppo-n1-mini-24

     

    นอกจากจะเป็นรีโมทชัตเตอร์แล้ว ในแอพ O-Click ยังมาพร้อมความสามารถอื่นเพิ่มเติมมาให้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น Locate my phone กดที่รีโมท 2 ครั้งติดกัน เพื่อเรียกหากโทรศัพท์, Prevent loss ป้องกันการลืมมือถือทิ้งไว้ โดยเมื่อ O-Click ขาดการเชื่อมต่อบลูทูธกับตัวโทรศัพท์ ก็จะมีไฟสีแดงพร้อมเสียงติ๊ด เตือนขึ้นมา และที่โทรศัพท์ก็จะมีเสียงเรียกเข้าดังขึ้นอัตโนมัติ, Notification alert มีไฟแจ้งเตือนบน O-Click หากมีสายเข้าหรือข้อความ SMS เข้ามา

     

    Music & Video

    review-oppo-n1-mini-05

     

    แอพ Music ใน OPPO N1 mini ถือว่าเป็นการออกแบบมาได้อย่างสวยงาม ด้วยลูกเล่นของแผ่นเสียงที่จะหมุนไปเรื่อยๆ ขณะเล่นเพลง โดยเราสามารถแตะบนหัวอ่านผ่านเสียงเปิดเล่นหรือหยุดเพลงได้อีกด้วย นอกจากนี้รูปปกอัลบั้มบนแผ่นเสียงก็จะเปลี่ยนไปตามเพลงนั้นๆ อีกด้วย

     

    และในหน้าเล่นเพลงก็จะมีปุ่มควบคุมตามมาตรฐานมาให้ครบทั้ง Play/Pause, Back, Next, โหมดเล่นเพลง (วนซ้ำ, สุ่ม, วนเพลงเดียว) พร้อมด้วยแถบแสดงเวลาที่กำลังเล่น

     

    review-oppo-n1-mini-06

     

    สำหรับระบบเสียง ก็สามารถเปิด Effect Dirac HD เมื่อใช้งานกับหูฟังได้เท่านั้น โดยจะทำให้ระบบเสียงมีพลัง ทุ้ม นุ่ม ลึกยิ่งขึ้น แต่หูฟังที่ให้มาพร้อมกันนั้น จะไม่ค่อยตอบสนองเสียงทุ้มได้ดีมากนัก เอาไว้ฟังเพลินๆ ได้ แต่ใครหูเทพ หูทอง คงต้องแนะนำให้ใช้หูฟังดีๆ มาเสียบก็จะได้อรรถรสยิ่งขึ้น โดยผมลองใช้หูฟัง iPhone ปรากฏว่า เสียงดีขึ้นมาเยอะเลยล่ะครับ

     

    review-oppo-n1-mini-07

     

    นอกจากนี้ยังสามารถตัดต่อเพลงที่ชอบไปเป็นเสียง Ring tone ได้อีกด้วย โดยเลือกช่วงท่อนที่ต้องการได้ง่ายๆ เพียงเลื่อนไปยังตำแหน่งเพลงที่ต้องการแล้วลองฟังก่อนได้ ถ้าถูกใจแล้ว ก็กด OK ได้เลย

     

    ส่วนของการเล่นวิดีโอก็ไม่มีอะไรซับซ้อน อินเตอร์เฟสการใช้งานก็เรียบง่าย เหมือนการเล่นวิดีโอทั่วไป และสามารถล็อกการสัมผัสหน้าจอขณะดูวิดีโอได้ แต่มีฟีเจอร์เสริมในเรื่องของการควบคุมเข้ามา โดยเมื่อแตะสไลด์ขึ้นลงบนหน้าจอขณะเล่นวิดีโอที่ข้างขวา จะเป็นการเพิ่ม-ลด ระดับเสียง, หากสไลด์ที่ข้างซ้ายจะเป็นการเพิ่ม-ลด แสง และหากสไลด์ตรงกลางจอไปทางซ้าย-ขวา จะเป็นการ ย้อนกลับ-ไปข้างหน้า ได้อีกด้วย

    review-oppo-n1-mini-10

     

    Theme ให้ดาวน์โหลดเพียบ

    review-oppo-n1-mini-08

     

    สำหรับใครที่ชอบประดับตกแต่งหน้าตาด้วย Theme บน แอนดรอยด์อยู่แล้ว ขอบอกเลยว่าไม่ต้องดาวน์โหลดแอพ Theme หรือ Root เครื่องให้ยุ่งยาก เพราะ OPPO N1 mini ได้เตรียม Theme ไว้ให้ดาวน์โหลดเพียบ ที่สำคัญคือฟรีจ้าาา… มีลายสวยๆ ไอคอนน่ารักๆ เยอะมาก ใช้ง่ายด้วยแค่ดาวน์โหลดเสร็จแล้วก็กดปุ่ม Apply เพื่อเปลี่ยน Theme ได้เลย

     

    review-oppo-n1-mini-09

     

    สำหรับเวลาที่เปลี่ยน Theme หลังจากดาวน์โหลดเสร็จทันที พบว่าบางครั้งภาพ Wallpaper ยังค้างอันเก่าอยู่ ต้องเข้าไปเลือกจากแท็บ Local theme แล้ว Apply ซ้ำอีกที ถึงจะเปลี่ยนได้ครบสมบูรณ์แบบ

     

    จัดเต็มกับแอพอรรถประโยชน์ครบครัน

    ในมือถือ OPPO แทบทุกรุ่น จะมาพร้อมแอพ Utilities หรือแอพอรรถประโยชน์ มาให้อย่างครบครัน ไม่แพ้ Android Smartphone ค่ายใหญ่จากเกาหลี ทั้งระบบคลาวด์, การจัดการพลังงาน, การจัดการดาต้า และการรักษาความปลอดภัยต่างๆ ซึ่งผมจะยกตัวอย่างมาให้ดูบางส่วนที่สำคัญนะครับ เพราะมันมีมาให้เยอะจนไม่สามารถอธิบายได้หมดทุกตัว

     

    O-Cloud เป็นแอพที่จัดการเรื่องของระบบคลาวด์ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการแบ็กอัพคอนแท็ก, แบ็กอัพ SMS, เก็บบันทึกรูปถ่าย และ Find Phone ค้นหาโทรศัพท์กรณีเครื่องหาย โดยมีพื้นที่ไว้จัดการทั้งหมดฟรี 5 GB โดย OPPO ได้ใช้บริการคลาวด์จาก Amazon เป็นตัวรองรับ แต่หากใครอยากซื้อพื้นที่เพิ่ม อาจจะยังไม่สามารถทำได้ เพราะผมลองหาดูแล้วไม่มีช่องทางไหนให้สั่งซื้อพื้นที่คลาวด์เพิ่มขึ้นได้

     

    review-oppo-n1-mini-11

     

    สำหรับบริการ Find Phone ใน O-Cloud นั้น จะว่าไปแล้วก็เหมือนบริการ Find my iphone ของ Apple เลยล่ะครับ โดยหากเปิดใช้งานไว้ ก็สามารถติดตามเมื่อเครื่องหายได้ และส่งข้อความไปแจ้งให้คนเก็บได้ติตต่อกลับ รวมถึงสั่ง ล็อกหน้าจอ, โอนสาย, ล้างข้อมูล หรือ รีเซ็ตค่าโรงงาน ได้ และสามารถค้นหาตำแหน่ง ส่ง SMS แจ้งเตือนหากมีคนแอบเปลี่ยนซิม เมื่อลงทะเบียนเข้าใช้งานไว้แล้วหากเกิดเหตุ สามารถตามหาเครื่องโดยเข้าไปที่ http://findphone.oppo.com/ เพื่อตามหาเครื่องได้เลย

    review-oppo-n1-mini-12
    Power Manager เข้าถึงการจัดการพลังงานแบตเตอรี่ได้จากแอพ Power Manager ซึ่งจะแสดงสถานะของแบตเตอรี่ว่าเหลือกี่เปอร์เซ็นต์ และจะใช้งานได้อีกประมาณกี่ชั่วโมง หากกำลังชาร์จอยู่ก็จะบอกได้ว่าจะใช้เวลาอีกเท่าไรถึงจะเต็ม

     

    review-oppo-n1-mini-13

     

    นอกจากนี้ยังสามารถตั้งค่าให้ประหยัดพลังงานโดยการปิดฟังก์ชั่นบางตัวที่ไม่จำเป็น ปรับความสว่างน่าจอลง, ปิดระบบโต้ตอบการสัมผัส, ปิด GPS, Wi-Fi, Bluetooth, Data

    advertisements

     

    เหนือกว่านั้นคือการลดความเร็วของ CPU หรือ Underclocking ให้ทำงานน้อยลง จะได้ใช้แบตได้นานขึ้น แต่ก็จะทำให้เครื่องหน่วงลงหน่อย โดยเข้าไปที่ Further power saving options แล้วเปิด Underclocking the CPU ให้ทำงาน

     

    Data Monitor ดูปริมาณการใช้งานอินเทอร์เน็ต ซึ่งจริงๆ แล้วก็เป็น Setting เดิมของ Android แต่มีการปรับอินเทอร์เฟสให้ดูง่ายขึ้น และตั้งค่าจำกัดการใช้งาน Data Package ได้ตามที่เราสมัครไว้กับโอเปอเรเตอร์ เพื่อป้องกันการใช้เกินแพ็กเกจ โดยสามารถตั้งได้ค่อนข้างละเอียด เช่น ตั้งให้เตือนหากใช้ Data เกิน 20% ต่อวัน จากทั้งหมดของแพ็กเกจรายเดือน เป็นต้น

    review-oppo-n1-mini-14

     

    App Encryption แอพนี้เป็นหนึ่งแอพที่อยู่ในโฟลเดอร์ Security Service ซึ่งเอาไว้ตั้งระบบป้องกันการเข้าสู่แอพส่วนตัว เช่น Facebook, Instagram หรือ Photo ซึ่งเราสามารถป้องกันการเข้าสู่แอพที่ไม่อยากให้คนอื่นเข้าถึงได้ ด้วยการตั้งล็อกด้วยรหัสแบบ Pattern หรือจะตั้งเป็นรหัสผ่านก็ได้ แล้วแต่จะเลือก โดยแอพที่ถูกเพิ่มเข้าในรายการก็จะถูกป้องกันการเข้าถึงจากผู้อื่นได้ทันที

     

    review-oppo-n1-mini-15

     

    นอกจากนี้ยังมี แอพ Data Saving ไว้ป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลสำคัญ, Guest Mode เพิ่มยูเซอร์ให้ใช้งานเครื่องเดียวกันได้ แต่จำกัดเฉพาะบางแอพและการเข้าถึงข้อมูล, Quiet Time ปิดเสียงรบกวนในช่วงเวลาที่พักผ่อน แต่ก็ตั้งค่าเฉพาะเบอร์โทรที่สำคัญให้มีเสียงเรียกเข้าดังเตือนขึ้นมาได้, Permission Monitor จัดการการเข้าถึงฟังก์ชั่นต่างๆ ในตัวเครื่องของแต่ละแอพ เช่น การเข้าถึง GPS ของ Facebook, Anti-harassment จัดการรายชื่อแบล็คลิส บล็อคเบอร์โทร หรือ SMS

     

    review-oppo-n1-mini-16

     

    เปิดไฟฉาย หมุนทิศทางได้

    ในโฟลเดอร์ Tools จะมีแอพ Flashlight ไว้เปิดแฟลชเป็นไฟฉายได้ ซึ่งข้อดีของ OPPO N1 mini คือมันสามารถหมุนทิศทางของไฟฉายได้ 195 องศา เช่นเดียวกัน คราวนี้จะส่องมุมไหนก็สะดวกง่ายดาย

    review-oppo-n1-mini-17

     

     

    การใช้งาน Gesture & motion

    review-oppo-n1-mini-18

    จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของสมาร์ทโฟน OPPO คือการควบคุมการใช้งานฟังก์ชั่นต่างๆ ด้วยระบบสัมผัสบนหน้าจอ เช่น วาดเป็นวงกลมในหน้าล็อคสกรีนเพื่อเปิดใช้งานกล้องได้ทันที หรือแตะ 2 นิ้ว ลากลงมา 1/3 ของหน้าจอ เพื่อเล่น-หยุด เพลง เป็นต้น
    ใช้งานในขณะปิดหน้าจอ

    • Double tap แตะติดกัน 2 ครั้งบนหน้าจอ เพื่อเปิดหน้าจอ

    • Circle วาดเป็นวงกลมบนหน้าจอเพื่อเข้าสู่กล้องถ่ายรูป

    • Two finger slide down แตะ 2 นิ้ว ลากลงมา 1/3 ของหน้าจอ เพื่อเล่น-หยุด เพลง

    • Downward arrow motion ลากนิ้วเป็นตัววี (V) เพื่อเปิดแฟลชเป็นไฟฉาย

    • Left arrow motion ลากนิ้วเป็นเครื่องหมาย < เพื่อย้อนกลับไปเล่นเพลงก่อนหน้า (ต้องเปิดแอพ Music ไว้)

    • Right arrow motion ลากนิ้วเป็นเครื่องหมาย > เพื่อย้อนกลับไปเล่นเพลงก่อนหน้า (ต้องเปิดแอพ Music ไว้)

     

    ใช้งานในขณะเปิดหน้าจอ

    • Activate the camera with multi-finger แตะ 3 นิ้วแล้วบีบเข้าหากันแบบมัลติทัช ได้จากทุกหน้าที่เปิดใช้งานอยู่เพื่อเข้าสู่กล้องถ่ายรูป

    • Double tap to lock the screen แตะติดกัน 2 ครั้งบนปุ่ม Home เพื่อล็อคหน้าจอ

    • Gesture screenshot แตะ 3 นิ้วพร้อมกันแล้วลากลง หรือขึ้น เพื่อแคปเจอร์หน้าจอ

    • Adjust volume with two fingers แตะ 2 นิ้ว แล้วสไลด์ขึ้น เพื่อเพิ่มเสียง สไลด์ลงเพื่อลดเสียง

     

    ทั้งนี้ยังสามารถเปลี่ยนฟังก์ชั่นในรูปแบบการใช้คำสั่ง Gesture ได้ตามต้องการ และยังมีรูปแบบคำสั่งที่ยังไม่ได้ใช้อีก 7 คำสั่ง ไว้ให้เลือกใช้งานได้

     

    User Interface

    ด้วยการใส่ Color OS Version 1.4.1i ครอบลงบน Android 4.3 จึงทำให้ OPPO N1 mini มียูสเซอร์อินเตอร์เฟส  ที่แตกต่าง และเป็นตัวของตัวเอง แต่ก็แอบมีบางอย่างเหมือน iPhone นะครับ อิอิ

     

    Notifications Center : เมื่อลากลงมาครั้งแรก ตรงส่วนของเมนูเปิด-ปิดฟังก์ชั่น จะแสดงแค่แถวเดียวก่อน หากต้องการเปิดดูทั้งหมดก็แตะลากลงมาได้เลย ส่วนวิธีล้างการแจ้งเตือนทั้งหมด ก็จะมีไอคอนรูปไม้กวาดน่ารักๆ ให้แตะที่ด้านล่างสุดของแถบแจ้งเตือน

    review-oppo-n1-mini-19

     

    ลบหรือย้ายแอพ : ลบหรือย้ายตำแหน่งแอพ อันนี้ใช้งานคล้ายกับ iPhone โดยกดค้างไว้บน ไอคอน จนมันสั่นดุ๊กดิ๊ก แล้วแตะกากบาท บนแอพเพื่อลบแอพออกจากเครื่อง (Uninstall) หรือจะแตะบนไอคอนค้างไว้แล้วลากย้ายไปวางในตำแหน่งที่ต้องการ

    review-oppo-n1-mini-20

     

    จัดการ Widgets, Wallpapers, Effects, Themes  : จากหน้า Home จะสามารถจัดการ เพิ่มวิดเจ็ต, เปลี่ยนวอลล์เปเปอร์, เอฟเฟกต์เวลาสไลด์เปลี่ยนหน้า Home และเปลี่ยนธีม  เพียงสไลด์ขึ้นบนวอลล์เปเปอร์ในหน้า Home ก็จะมีเมนูโผล่ขึ้นมาที่ด้านล่าง

    review-oppo-n1-mini-22

     

    และหากแตะปุ่มตรงกลาง จะมี Exclusive space หรือวิดเจ็ตพิเศษจาก OPPO และ Live weather ที่เป็น Live วอลล์เปเปอร์รายงานพยากรณ์อากาศสดๆ สวยงามเลยทีเดียว อย่างเวลาฝนตกก็จะมีแอนิเมชั่นฝนตกบนวอลล์เปเปอร์ขึ้นมา

    review-oppo-n1-mini-21

     

    รายงานสถานะแรมที่ใช้ไป : ในหน้ามัลติทาสก์ (แตะปุ่ม เมนู บนตัวเครื่องค้างไว้) จะมีสถานะการใช้แรม หรือหน่วยความจำชั่วคราว เอาไว้ให้ดูอีกด้วยว่า ขณะนี้ ใช้ไปแล้วเท่าไร และยังเหลืออีกเท่าไร หากแรมเหลือน้อยจะได้ปิดบางแอพที่เปิดค้างไว้ เพื่อคืนพื้นที่ให้แรมได้มากขึ้น เครื่องก็จะได้ลื่นไหลขึ้น แต่จากที่ได้ลองแตะปุ่มตรงกลางเพื่อปิดแอพทั้งหมดแล้ว พบว่ายังมีการใช้แรมอยู่อีก 1.1 GB ซึ่งเชื่อว่าเป็นการใช้งานรันระบบปฏิบัติหลัก เอาไว้

    review-oppo-n1-mini-23

     

    ฟังก์ชั่นโทรศัพท์

    สำหรับหน้าตาของแอพ Phone หรือโทรศัพท์ ก็จะมีสไตล์เป็นของ OPPO เอง แต่ยังอยู่บนฟังก์ชันพื้นฐานของ Android 4.3 โดยอินเตอร์เฟสการใช้งานก็ไม่ยุ่งยาก แป้นเบอร์โทรก็ใหญ่ดี ปุ่มโทรออกชัดเจน ส่วนฟังก์ชั่นระหว่างโทรก็มีให้ครบตามมาตรฐาน เรื่องของเสียงสนทนาก็ได้ยินชัดเจนดีเสียงคมชัด ไม่แตกพล่า และสามารถดูประวัติการโทรของแต่ละคอนแท็กใน Call log ได้อย่างละเอียด

    review-oppo-n1-mini-27

     

     

    App Center

    แถมท้ายด้วยแอพน้องใหม่ที่เพิ่งติดตั้งมาให้เพิ่มหลังจากอัพเดทเฟิร์มแวร์ Color OS เวอร์ชั่นล่าสุดไป เมื่อไม่กี่วัน ซึ่งขอบอกว่าตั้งแต่ได้มาทดสอบกว่า 2 อาทิตย์ ได้รับการอัพเดทเฟิร์มแวร์มาแล้วถึง 3 ครั้ง ถือว่ามีการปรับปรุงเฟิร์มแวร์อยู่ตลอดเวลาเลย รู้สึกอุ่นใจ ไม่ถูกถอดทิ้งเหมือนบางแบรนด์

    review-oppo-n1-mini-28

     

     

    บทสรุป

    เริ่มต้นกันที่กล้องหน้า ซึ่งเป็นจุดเด่นของรุ่นนี้กันก่อนเลยดีกว่า ต้องบอกว่าคุณภาพของกล้องนั้นถือว่าดีเกินราคาเลยล่ะครับ พร้อมด้วยโหมดถ่ายหน้าเนียนโดยอัตโนมัติ ซึ่งถูกใจสาวก Selfie เป็นอย่างยิ่ง ที่สำคัญมันสามารถตั้งเวลาถ่ายรูปอัตโนมัติได้อีกด้วย แต่จะกำหนดคงที่มา 5 วินาที ไม่สามารถเปลี่ยนได้ พร้อมกับแฟลช 1 ดวงที่สามารถส่องใบหน้าให้สว่างวิ้งๆ แม้อยู่ในที่มืด ซึ่งอย่างที่บอกไปแล้วในตอนต้นว่านี่คือการแก้ปัญหาตรงจุดสำหรับเรื่องของกล้องหน้า นอกจากนี้ยังสามารถถ่ายโหมด Slow Shutter ทำให้กลายเป็นสมาร์ทโฟนในไม่กี่รุ่นที่ใช้ความสามารถของกล้องในฟีเจอร์นี้ได้ แต่ก็มีจุดสังเกตในบางฟังก์ชั่นที่น่าจะมีแต่ดันไม่มี เช่น โหมดถ่ายมาโคร, โหมดถ่ายภาพ Best Face รวมถึงฟิลเตอร์เก๋ๆ ที่น่าจะมีเป็นมาตรฐาน นอกจากนี้ก็มีจุดที่น่ากังวลอีกอย่างคือ หากหมุนกล้องกลับไปกลับมาบ่อยๆ ก็อาจจะทำให้เกิดการสึกหรอของแกนและกลไกต่างๆ ได้ง่าย แต่ถ้าออกแบบให้ใช้ได้ทนสัก สองสามปี ก็ถือว่าคุ้มแล้วล่ะครับ เพราะเชื่อว่าถึงเวลานั้นหลายคนก็มักจะเปลี่ยนเครื่องใหม่แล้วล่ะครับ

     

    ในส่วนของการใช้งาน UI หรือ User Interface ต้องขอชื่นชมว่าเฟิร์มแวร์ Color OS นั้น ทำออกมาได้ดีเลยทีเดียว ทำให้การเข้าถึง Notifications Center ได้ง่ายและครอบคลุมทุกการใช้งาน รวมถึงยังมีการรับคำสั่งแบบ Gesture ด้วยการสัมผัสแบบต่างๆ เพื่อควบคุมการใช้งาน และเอาใจคนชอบเปลี่ยน Theme ซึ่งมีให้เลือกโหลดเยอะมาก อันนี้ได้ใจไปเลย ในแง่ของความลื่นไหลติดนิ้ว ก็ทำได้อย่างสมูทไม่ติดขัด

     

    สำหรับระยะเวลาการใช้งานของแบตเตอรี่ (ความจุ 2100 mAh) ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง เท่าที่ผมลองใช้แบบธรรมดา เล่นโซเชียลบ้างเป็นบางครั้ง แต่เปิด 3G เอาไว้ตลอด เรียกว่าอยู่ได้ตั้งแต่เช้าจดเย็น แต่หากใช้ถ่ายรูป หรือถ่ายวิดีโอต่อเนื่อง ก็สูบแบตไปพอสมควร แต่พอถึงจุดที่แบตเริ่มน้อย ระบบก็จะจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเปิดเฉพาะส่วนที่จำเป็น ทำให้มีไฟเลี้ยงระบบไว้ใช้งานยามจำเป็นได้อีก 2-3 ชั่วโมง

     

    ในแง่ของการดีไซน์ ด้วยหน้าจอที่มีขนาดเล็กลงกว่ารุ่นก่อน จึงทำให้การพกพาสะดวกยิ่งขึ้น ด้วยขนาดหน้าจอ 5 นิ้ว ถือว่าเป็นขนาดที่เหมาะกับการพกเป็นโทรศัพท์ และเล่นโซเชียล เล่นเน็ตได้เป็นอย่างดี เพราะจอใหญ่ แต่ยังพกใส่กระเป๋ากางเกงได้สบายๆ คีย์บอร์ดที่ให้มาก็ปุ่มใหญ่พิมพ์ง่าย แต่เวลาเปลี่ยนภาษาแอบไม่ชินเพราะต้องแตะที่ปุ่ม Space Bar ค้างไว้แล้วเลือกภาษา แทนที่จะสไลด์เพื่อเปลี่ยนภาษาได้เลย

     

    ทั้งหมดนี้ คงต้องบอกว่า OPPO N1 mini เป็นสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ที่คุ้มค่า เกินราคา และเหมาะที่จะเป็น Selfie สมาร์ทโฟนตัวจริง ใครที่ชอบถ่ายรูปเซลฟีเป็นชีวิตจิตใจ คงต้องเก็บไว้เป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ เลยล่ะครับ

     

    ข้อดี

    • กล้องคมชัด หมุนได้ 195 องศา

    • ทำให้กล้องหน้ามีแฟลชไปในตัว

    • หน้าจอ 5 นิ้ว ความละเอียด HD

    • บอดี้ บางเบา ขนาดพกพาสะดวก

    • ระบบลื่นไหล ไม่หน่วง

    • อินเตอร์เฟสใช้งานง่าย

    • อัพเดทเฟิร์มแวร์ บ่อย ไม่ทอดทิ้ง

     

    ข้อเสีย

    • เพิ่มหน่วยความจำไม่ได้

    • ถอดเปลี่ยนแบตไม่ได้

    • โหมดกล้องน้อยไปหน่อย

    • หมุนกล้องไปมาบ่อยๆ อาจจะทำให้สึกหรอง่ายขึ้น

     

    สรุปผลคะแนน

    ดีไซน์ 7 คะแนน

    ความง่ายในการใช้งาน 8 คะแนน

    ความคุ้มค่า 9 คะแนน

    คุณสมบัติในการใช้งาน 8 คะแนน

    Total Rating 8

    Check-price1