Wassuppp! แฟบเล็ตขนาดหน้าจอ 5 นิ้วขึ้นไปจากโซนี่ยังคงความเบาและบางจนเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวไปเรียบร้อย แต่ก็ไม่ทิ้งความหนักแน่นของเสียงและฟีเจอร์ที่ชูโรงมาตลอดอย่าง NFC และรองรับ 4G LTE ซึ่งครั้งนี้ต่างจากรุ่นก่อนตรงที่ไม่ได้มาแบบ Dual SIM แล้วสินะ ขอฉายเดี่ยวซิมเดียวดูบ้าง แอพพลิเคชั่นหลักของ Sony และ Android เอง ยังเน้นด้านความบันเทิงเป็นหลัก (แค่ฟังเพลงก็อาจเลือกไม่ถูกจะ Walkman หรือ Play Music?) แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมีศูนย์อัปเดตให้เช็คเวอร์ชั่นใหม่ได้ตลอดเวลาเพราะถ้าไม่อัพเดทคุณก็เล่นไม่ได้อยู่ดี..อุ๊ปส์! หลายคนตั้งคำถาม Xperia T3 เน้นความบันเทิงขนาดนี้แบตเตอรี่จะอยู่ได้นานแค่ไหน? ตอบได้เลยว่ายาวไป..ยาวไป 2 วันชาร์จทีแต่ถ้าเล่น 3G วันเดียวรู้ผล ส่วนเรื่องความร้อนไม่ต้องเป็นห่วงวัสดุรุ่นนี้ทำจากพลาสติก+ยาง (ไม่มัน) อาจเห็นรอยขีดข่วนหรือมีฝุ่นจับง่าย แต่จับสบายไม่ต้องกลัวหลุดมือและไม่ร้อนอย่างที่คิด สำหรับสเปคโดยรวมอยู่ในระดับที่รับได้ในราคา 13,990 บาท เช่น กล้อง 8 ล้านพิกเซล, ใช้ชิป Snapdragon 400 1.4 GHz, แรม 1GB ฯลฯ เพื่อให้เห็นภาพมากขึ้นเราจะไปนั่งแกะกล่องชิลล์ๆข้างน้ำพุแต่อย่าเผลอทำตกเชียวรุ่นนี้ไม่กันน้ำนะครัช ไม่เช่นนั้น 13,990 อาจหายไปกับตา
แกะกล่อง Sony Xperia T3
กลับหลังหันแล้วเปิดฝากล่องขึ้นมาก็เจอแล้วค่ะ “แต้งกิ้ว T3” มีพลาสติกกันรอยและใส่ซองไว้อย่างดี (เหมือนจะรู้ว่ามาเล่นใกล้น้ำ) เครื่องไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไปสำหรับคนชอบดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม แต่บริเวณส่วนล่างของตัวเครื่องแทบไม่มีประโยชน์ใดๆ (ไม่มีปุ่มหรือคำสั่ง) หากทำให้จอแสดงผลยาวลงมาแทนได้ก็คงจะดี แม้จะมีส่วนเกินตรงนี้แต่ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกหนักขึ้นแต่อย่างใด เลือกได้ 3 สีเช่นเดิม ขาว, ดำ และม่วง
อุปกรณ์เสริมประกอบด้วย
• อแดปเตอร์ชาร์จแบตเตอรี่ ด้านหนึ่งเสียบกับเต้ารับไฟที่บ้าน อีกด้านเสียบเข้าพอร์ต Miro USB บนตัวเครื่อง
• สาย USB 2.0 สำหรับโอนถ่ายข้อมูลระหว่างโทรศัพท์กับคอมพิวเตอร์ และชาร์จแบตได้ในตัว
• หูฟังและสมอลทอล์คเป็นเสาอากาศในตัว ต้องเสียบหูฟังก่อนถึงจะเปิดวิทยุได้ บนสมอลทอล์คจะมีปุ่มกดรับสาย/วางสาย และเปิด/ปิดเพลงได้ด้วย หากกด 1 ครั้ง คือหยุดพัก/เล่นต่อ, กด 2 ครั้งติดกัน ย้อนกลับไปเพลงก่อนหน้า และกด 3 ครั้งติดกันเล่นเพลงถัดไป
ด้านหลังความชัดกล้อง 8 ล้านพิกเซล พร้อม LED แฟลช และไมค์ตัดเสียง มีสัญลักษณ์ตัว N สำหรับเชื่อมต่อ NFC ส่วนด้านล่างสุดเป็นลำโพง
อีกจุดเด่นของ Sony Xperia คือพอร์ต USB 2.0 หาได้เฉพาะด้านข้างตัวเครื่อง สำหรับ T3 ตัวนี้ไม่มีฝาปิด สามารถเสียบสาย USB เข้าออกได้ง่ายขึ้น แต่ก็ต้องแลกกับฝุ่นละอองที่จะเข้าได้ง่ายขึ้นเช่นกัน
ด้านบนเป็นช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร
ด้านล่างเป็นไมโครโฟน และช่องรัดสายคล้อง (ถ้าไม่อยากรัดสายคล้องคอ หรือไม่ชอบให้เครื่องเบาเกินไปสามารถหาพวกกุญแจแนวๆติด GPS ในตัวมาคล้องได้นะคะ)
ด้านซ้ายของเครื่องยังมีช่องใส่ microSIM และ microSD ถัดลงมาเป็นปุ่มกลมๆนูนๆสำหรับปิด/เปิดเครื่อง หรือจับภาพหน้าจอ หรือเปิดโหมด Airplane Mode ได้ ถัดมาเป็นปุ่มเพิ่มเสียง/ลดเสียง และสุดท้ายปุ่มเรียกแอพกล้องอัตโนมัติไม่ว่าจะทำอะไรอยู่ก็ตาม
ก่อนใส่ microSIM และ microSD จะต้องแง้มฝาสแตนเลสออกก่อน ซึ่งช่องใส่ซิมเป็นแบบสปริงจึงดึงออกเข้าง่ายมาก ส่วนช่อง microSD รองรับสูงสุดแค่ 32GB เท่านั้น สงสัยจะได้อัพโหลดขึ้นคลาวด์ก็งานนี้
สเปค Sony Xperia T3
ขนาดเครื่อง : 150.7 x 77 x 7 มม.
ขนาดหน้าจอ : 5.3 นิ้วสำหรับจอแสดงผลบนมือถือที่มี BRAVIA® Engine 2
น้ำหนัก : 148 กรัม
กล้อง : กล้องหน้าความละเอียด 8 MP (3264 x 2448 pixels), กล้องหลัง 1.1 MP, 720p@30fps
จอแสดงผล : TRILUMINOS™ HD (1280×720)
ระบบปฏิบัติการ : Android 4.4 (Kitkat)
หน่วยประมวลผล : Snapdragon 1.4 GHz Qualcomm Quad Core
แรม : 1GB
พื้นที่ความจำภายใน : 8GB รองรับ microSD 32GB
แบตเตอรี่ : Li-Ion 2500 mAh
- • เวลารอรับสาย: นานถึง 688 ชั่วโมง**
- • เวลาฟังเพลง: นานถึง 63 ชั่วโมง 30 นาที**
- • เวลาเล่นวิดีโอ: นานถึง 8 ชั่วโมง 14 นาที**
- • เวลาสนทนา (นานถึง): 12 ชั่วโมง 46 นาที
ดูเพิ่มเติม คลิกที่นี่
ฟีเจอร์เด่น
หลังจากใส่ซิมและเปิดเครื่องครั้งแรกต้องทำตามทั้ง 6 ขั้นตอน เสร็จแล้วจะเข้าหน้า Home ได้ปกติ หากต้องการปิดเครื่องให้กดปุ่ม Power ค้างไว้ แต่ไม่ใช่คำสั่งปิดเครื่องเท่านั้น ยังมีคำสั่งจับภาพหน้าจอ และเปิดปิด Airplan Mode เวลาอยู่บนเครื่องบินอีกด้วย
การตั้งค่าหน้า Home และเพิ่มวิดเจ็ตต่างๆทำได้โดยแตะพื้นที่ว่างค้างไว้ อยากให้หน้าต่างไหนเป็นหน้าแรกก็แตะที่รูปบ้านมุมบนซ้าย ส่วนวิดเจ็ตและการตั้งค่าความสวยงามบนหน้า Home เช่น ภาพพื้นหลัง และธีมก็เลือกได้จากหน้านี้เช่นกัน
เลื่อนหน้า Home ไปทางซ้ายสุดจะพบเมนูคำสั่งช่วยค้นหาแอพ, เลิกติดตั้งแอพ, แนะนำแอพที่ใช้งานบ่อยๆ ช่วยเพิ่มความรวดเร็วในกรณีมีแอพจำนวนมาก สำหรับใครที่ชอบตั้งนาฬิกาปลุกจะต้องเจอลูกเล่นใหม่แบบสไลด์หน้าจอเพื่อปิดเสียง คล้ายกับการสไลด์รับสาย หรือแตะปุ่มตรงกลางเพื่อเลื่อนปลุก Zzzz
ตัวอย่างการวางวิดเจ็ตในหน้า Home ที่นิยมใช้กันบ่อยๆ โดยเฉพาะเรื่องกล้อง หากคุณชอบใช้โหมดไหนเป็นพิเศษ สามารถเข้ามาเปลี่ยนได้ทันทีในหน้า Home ตัวอย่างนี้แตะไอคอน Settings บนวิดเจ็ตกล้อง จะเข้าไปเลือกโหมดที่ใช้งานบ่อยๆได้ทั้งหมด 4 โหมด ดังรูป
หน้าการแจ้งเตือนให้ลากแถบสถานะลงมา จะเจอ 2 แท็บแยกชัดเจนระหว่าง การแจ้งเตือน และการตั้งค่าด่วนที่ใช้กันบ่อยๆ เช่น เปิด-ปิด Wi-Fi, Bluetooth, แชร์ฮอตสปอต Wi-Fi, Throw เชื่อมต่ออุปกรณ์ไร้สาย เป็นต้น
หน้า Recent Apps ให้แตะปุ่ม Recents บนตัวเครื่องค้างไว้ สไลด์ปิดแอพที่เปิดค้างไว้ทีละหน้า หรือปิดทั้งหมดเลยก็ได้ โดยในหน้านี้ยังมีแถบ Quick Apps เรียกใช้แอพด่วน ไม่ว่าจะอยู่หน้าไหนก็เรียกใช้ได้ตลอดเวลา หากต้องการเพิ่มแอพให้แตะลูกศรขึ้นแล้วแตะ + ได้ทันที
ตัวอย่างแอพด่วนจากหน้า Recent Apps จะแสดงหน้าต่างเล็กๆขึ้นมา ไม่ว่าจะอยู่หน้าไหนก็สามารถใช้งานได้ เสร็จแล้วแตะ X เพื่อปิดหน้าจอ
ฟีเจอร์ที่น่าสนใจบนแอพ Phone เรียกว่าไม่ซ้ำใครเลยก็ได้ จากประโยคฝากข้อความอัตโนมัติ Sorry….the person you’re trying to reach is not availiable, if you want to leave voice mail or a call back number please press ให้เปลี่ยนเป็นเสียงของเราแทน เพื่อนๆจะได้ไม่เบื่อด้วยนะ ก่อนอื่นเข้าแอพ Phone แล้วเปิดใช้งานเครื่องตอบรับ บันทึกเสียงให้เรียบร้อยแค่นี้เพื่อนๆก็ฟินแล้วค่ะ
แอพสำรองข้อมูลและเรียกคืน จุดนี้ต้องบอกว่าช่วยได้เยอะ เพราะไม่ต้องมีเน็ตหรือต่อเครื่องคอม แค่มี SD Card คุณก็สำรองข้อมูลออกจากเครื่องได้ชัวร์และรวดเร็ว หรือถ้าอยากอัพโหลดขึ้น Cloud ลองดูรูปถัดไป
แอพจัดการไฟล์ นอกจากจะเปิดดูและแก้ไขไฟล์ได้แล้วยังอัพโหลดขึ้นคลาวด์ได้ด้วย ก่อนอื่นให้เพิ่มบัญชีระยะไกล เช่น Drive, Dropbox, box, Onedrive สามารถเรียกใช้งานไฟล์จากคลาวด์ หรือเปิดไฟล์ในเครื่องแล้วแชร์ขึ้นคลาวด์นั้นๆได้
แอพไดรฟ์ แค่ล็อกอินแอคเคาท์ Gmail ก็ให้พื้นที่คลาวด์ฟรีๆ 15 GB แตะอัปโหลดง่ายและรวดเร็ว ถ้ากลัวหาไฟล์ไม่เจอก็สร้างอัลบั้มแยกให้ชัดเจนได้
แอพที่มาพร้อมเครื่องหลายตัวจะยังใช้งานไม่ได้จนกว่าจะเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตและอัปเดตให้เรียบร้อย โดยทั้งหมดจะอยู่ในแอพศูนย์อัปเดต แตะที่ลูกศรชี้ลงเพื่อดาวน์โหลดและติดตั้งได้ทันที
ฟีเจอร์สำหรับกล้อง Sony ยังไม่เปลี่ยนแปลงมาก ไอคอนแฟลชจะมีคำสั่ง เปิดแฟลชอัตโนมัติ, เปิดแฟลชเมื่อต้องการ, ลดจุดตาแดงเวลาเปิดแฟลช, ปิดแฟลช หรือเปิดไฟฉายแทนแฟลช
ไอคอนการตั้งค่า (จุด 3 จุด) ส่วนใหญ่ยังปิดการใช้งานเอาไว้ เช่น ตั้งเวลาถ่ายภาพ, ลั่นชัตเตอร์ด้วยรอยยิ้ม, ดูตัวอย่างทันทีหลังถ่ายภาพ, ถ่ายภาพต่อเนื่องด้วยการกดค้าง ใครอยากใช้ฟีเจอร์ไหนเพิ่มเติมแนะนำให้เปิดเล่นทีละตัวจะรู้สึกทันทีว่ากล้องมีลูกเล่นมากกว่าที่คิดเยอะ
ปุ่มชัตเตอร์และปุ่มบันทึกวิดีโอจะอยู่ตรงกลาง แล้วปุ่มกล้องสีเหลืองๆคืออะไร? ลองแตะดูจะมีตัวเลือกเพียบค่ะ เป็นลูกเล่นเสริมให้กล้องเด่นขึ้นด้วยโหมดต่างๆ เช่น เอฟเฟกต์ AR บนภาพเสมือนจริงพร้อมฉากและตัวละครที่คุณต้องการ, แต่งภาพด้วยเอฟเฟ็คสร้างสรรค์, ค้นหารูปถ่ายที่ดีที่สุดทั้งก่อนและหลังถ่าย, Social Live ถ่ายทอดสดบน Facebook, ถ่ายภาพพาโนรามา และรีทัชภาพบุคคล ถ้ายังไม่จุใจแตะ + เพิ่มแอปอื่นได้อีก
ตัวอย่างนี้เลือกถ่ายโหมด TimeShift Burst ค้นหารูปถ่ายที่ดีที่สุด จากนั้นแตะปุ่มชัตเตอร์
มีรูปภาพให้เลือกหลายช่วง สามารถเลื่อนขึ้นลงเพื่อเลือกรูปที่ดีที่สุดได้ตามต้องการ
ตัวอย่างภาพถ่ายโหมดธรรมดากล้องหลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซล
เปลี่ยนจากภาพนิ่งมาดูคลิปวิดีโอกันบ้าง ในที่นี้เปิดแอพ Movies ของ Sony โดยตรง จะแสดงวิดีโอที่อยู่ในเครื่อง เมื่อแตะ Play จะแสดงกรอบเล็กๆ ให้แตะกรอบวิดีโอ 1 ครั้งเพื่อขยายเต็มจอ ดังรูปด้านล่าง หากคลิปของคุณเป็นภาพยนตร์หรือมิวสิควิดีโอสามารถแตะค้นหาเพื่อเลือกไฟล์ที่ตรงกับฐานข้อมูลของ Gracenote ได้ด้วย
อ่านข่าวให้ง่ายขึ้นด้วยแอพ Socialife ในรูปแบบ Magazine (คล้ายๆกับ Flipboard) ซึ่งเริ่มต้นจะเลือกแหล่งข่าวที่คุณอาจสนใจก่อน หากต้องการเพิ่มให้แตะ เพิ่มฟีด มีทั้งเว็บของไทยและเทศซึ่งเป็นเว็บที่ได้รับความนิยมอยู่ในขณะนั้น
ถ้าไม่ชอบอ่านข่าวแบบ Magazine ยังมีแอพ news&weather ข่าวจากหนังสือพิมพ์ของไทยให้อ่านแบบเรียลไทม์ โดยจะลิงค์ไปแหล่งค้นหาใน new.google และเปิดจากเว็บตรงของข่าวนั้นอีกที เช่น ไทยรัฐ, ข่าวสด, ไทยโพสต์, โพสต์ทูเดย์, เอ็มเอสเอ็น, คม-ชัด-ลึก เป็นต้น
แอพ What’s New กับ Sony Select แทบจะไม่ต่างกันตรงที่แนะนำแอพใหม่น่าเล่น แต่ถ้าจะให้หาความต่างก็คงจะเป็นจำนวนแอพ และสังเกตให้ดี What’s New จะแนะนำแอพใหม่สำหรับคอเกม ส่วน Sony Select ยังมีแอพอื่นๆที่ถูกคัดเลือกไว้ให้ผู้ใช้ Xperia อีกเพียบ
หน้าจอใหญ่ 5.3″ ต้องมีแอพภาพร่าง สำหรับวาดภาพระบายสีแน่นอน ถึงจะไม่มีสไตลัสแต่ก็มีหัวปากกาหลายขนาดหลายแบบ แทรกภาพถ่ายและภาพปะ รวมถึงเขียนข้อความได้ในแอพเดียว
บทสรุป
เริ่มที่ดีไซน์ให้ไปเลย 3 ผ่าน จับสบายและเบามาก หรูหราด้วยสีดำตัดสแตนเลส แต่น่าเสียดายตรงส่วนยื่นที่ไม่มีหน้าที่ใดๆ ดูหนังเต็มจอก็แล้ว แตะเมนูคำสั่งก็แล้ว พื้นที่ด้านล่างมีไว้เพื่ออัลไล? การใช้งานแอพพื้นฐานต่างๆต้องบอกว่าคนชอบความบันเทิงต้องหลงรักเพราะแค่ฟังเพลงก็มีให้เลือก 2 แอพ ทั้ง Walkman และ Play Music เช่นเดียวกับ Movies และ Videos, What’s New และ Sony Select ทุกแอพทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีจัดเต็มทั้งภาพและเสียงแค่อาจจะเลือกใช้ไม่ถูกเท่านั้น แต่สำหรับบางแอพที่จำเป็นอย่าง Note กลับไม่มี! ต้องติดตั้งเพิ่มเอง ไปต่อกันที่ความคุ้มค่าต้องตัดสินกันที่การใช้งานส่วนบุคคล ถ้าชอบเล่นเกมเครื่องนี้ภาพสวยเสียงชัดเครื่องเบาถือเล่นได้สบายๆไม่ติดขัด แต่ถ้าชอบถ่ายรูปอาจไม่ตอบโจทย์ด้วยความละเอียดกล้องหน้า 1 ล้านพิกเซล และกล้องหลัง 8 ล้านพิกเซลคงต้องแต่งภาพกันเล็กน้อยไม่มุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้งเท่าที่ควร สีภาพไม่สดแตกบ้างเล็กน้อยถึงปานกลางแต่ถ้ามีแสงมากๆก็สวยใช้ได้ทีเดียว ส่วนแผนที่จาก Navigon ให้ทดลองใช้ฟรีแค่ 30 วัน คงต้องกลับไปใช้ Google Maps ต่อไป และอีกหลายๆแอพที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเลยติดตรงนี้ว่ามันยังคุ้มค่าไม่สุดๆ สุดท้ายคือเรื่องคุณสมบัติอย่างที่บอกว่าบางคุณสมบัติมีแอพให้เลือกใช้เยอะบางคุณสมบัติไม่มีแอพมาให้ต้องดาวน์โหลดเอง ตรงนี้จะยิ่งทำให้พื้นที่ในเครื่องลดลงไปอีก โดยเฉพาะ SD Card รองรับสูงสุดแค่ 32 GB ก็อาจจะเป็นอุปสรรคได้ งานนี้เลยต้องพึ่ง Cloud เยอะหน่อย โชคดีที่มี Drive ช่วยเอาไว้ 15 GB รอดตายเบาๆ คุณสมบัติอื่นๆสำหรับราคา 13,990 ได้ NFC กับรองรับ 4G ก็ถือว่าเยี่ยมค่ะ
สรุปผลคะแนน
ดีไซน์ 9 คะแนน
ความง่ายในการใช้งาน 8 คะแนน
ความคุ้มค่า 8 คะแนน
คุณสมบัติในการใช้งาน 7 คะแนน
Total Rating 8